หน้าแรก | ติดต่อเรา | ข่าวสาร | หน้าบทความ | ถาม-ตอบ | เกี่ยวกับเรา | ค้นหาสินค้าตามแบรนด์      
             ไทย | English    
   Product Categories
   สมาชิก
 : 
 : 
 
 สมัครสมาชิก
 ลืมรหัสผ่าน
   เว็บลิงค์


สั่งสินค้าตอนนี้
สั่งซื้อสินค้าผ่าน Shopee
สั่งซื้อสินค้าผ่าน Kasempongrat Online
สั่งซื้อสินค้าผ่าน Lazada
อัตราค่าบริการขนส่งต่างๆ
กดไลค์เราบน Facebook เพื่อรับข่าวสารโปรโมชั่นและความรู้สีทุกวัน!

 
ระบบการทาสีบ้านและอาคาร

สีคือส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความสวยงามให้กับอาคารหรือบ้าน 
แต่ปัญหาที่มักจะเกิด ขึ้นเสมอก็คือ เมื่อทาสีได้ไม่นาน สีอาจซีดจางหลุดร่อน 
ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น การเตรียมพื้นผิวไม่ถูกต้อง 
ทาสีไม่ครบระบบ เลือกใช้สีผิดประเภท หรือใช้สีที่คุณภาพไม่ได้ มาตรฐาน 
ดังนั้นเพื่อให้การทาสีเกิดประสิทธิภาพและคุ้มค่าเงินมากทีสุด 
จึงควรทราบถึงการทาสีด้วย ระบบการทาสีมีองค์ประกอบที่สำคัญ ดังนี้ 
1.การเตรียมพื้นผิว เพื่อให้สียึดเกาะกับพื้นผิวปูน ไม้ หรือเหล็ก ได้ดี สวยงามและทนทาน
 ก่อนที่จะทาสีทุกครั้งควรจะ ต้องทำความสะอาดพื้นผิวให้เรียบร้อยเสียก่อนเสมอ
 โดยขจัดฝุ่น คราบไขมัน รา ตะไคร่น้ำ ตลอดจน สนิมเหล็กออกให้หมด 
และถ้าเป็นผนังเก่าโดยที่มีสีเดิมอยู่ในสภาพชำรุด ต้องขัดสีล้างเก่าออกก่อน 
พื้นผิว ที่จะทาสีต้องแห้งสนิท และอยู่ในสภาพเรียบร้อย หากมีรอยแตกร้าว ควรซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อน
 ส่วนผนังที่ฉาบปูนเสร็จใหม่ ๆ ควรทิ้งไว้ให้เนื้อปูนแห้งก่อนประมาณ 20-30 วันก่อนเริ่ม งานทาสีทุกครั้ง
ในการทาสีนั้น ก่อนอื่นควรจะต้องล้างทำความสะอาดพื้นผิว โดยขจัดเศษซีเมนต์ คราบฝุ่น รา ตะไคร่น้ำ 
พื้นผิวไม้ ควรทำความสะอาด ขัดเสี้ยนไม้ออก หรือสนิมเหล็กออกให้หมด 
พื้นผิวโลหะะ เพื่อให้สีใหม่เกาะวัสดุได้ทนทานยิ่งขึ้น หากเป็นผนังเก่ามีรอย แตกร้าวควรซ่อมแซมให้เรียบร้อย 
และถ้าผนังมีสีเดิมอยู่แต่อยู่ในสภาพชำรุด ควรขัดล้างสีเก่าออกเสียก่อนที่จะเริ่มทาสีทับด้วยสีรองพื้น 
2.การทาสีรองพื้น คุณลักษณะพิเศษของสีรองพื้นคือ เป็นสีที่ใช้ทาบนพื้นผิววัสดุชนิด ต่าง ๆ 
ก่อนทาสีทับหน้า ซึ่งสีรองพื้นมีความสำคัญในการช่วยผสานให้สีทับหน้ายึดเกาะกับ พื้นผิวได้ดี 
และยังช่วยป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นกับฟิล์มสีทับหน้าอันเกิดจากปฏิกิริยาเคมีระหว่างสีทับหน้า
กับพื้นผิววัสดุหรือผนังชนิดต่างๆ ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นได้บ่อยครั้ง
การใช้สีรองพื้น ควรพิจารณาจากพื้นผิวก่อนดังนี้
 พื้นผิวปูนใหม่  ควรใช้สีรองพื้นปูนใหม่โดยเฉพาะ เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้ความเป็นด่าง 
ของผนังปูนทำปฏิกิริยากับสีทับหน้า ซึ่งจะมีผลทำให้สีสวยทนนาน ไม่ลอกร่อนง่าย 
พื้นผิวปูนเก่า ควรใช้สีรองพื้นปูนเก่าโดยเฉพาะ เพื่อช่วยเคลือบผนังปูนที่สีเก่าเสื่อมสภาพแล้ว
และอาจจะมีลักษณะเป็นฝุ่นให้อยู่ในสภาพดี และยังสามารถช่วยให้สีทับหน้าสามารถยึดเกาะพื้นผิวได้แน่น
และไม่หลุดร่อนง่ายอีกด้วย
 พื้นผิวที่เป็นไม้ ควรใช้สีรองพื้นไม้กันเชื้อรา เพราะจะช่วยป้องกันยางไม้หรือน้ำยารักษาเนื้อ ของไม้เดิมที่เคยทาไว้
ไม่ให้ซึมออกมา ช่วยป้องกันไม่ให้ทำความเสียหายกับฟิล์มสีทับหน้า สีจึงไม่เป็นรอยด่าง 
พื้นผิวที่เป็นเหล็กใหม่ ควรใช้สีรองพื้นกันสนิม จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมของเหล็กใหม่ 
และ ช่วยเสริมการยึดเกาะของสีทับหน้าให้ทนทานยิ่งขึ้น ทำให้สีจึงสวยทน 
พื้นผิวที่เป็นเหล็กเก่า กรณีที่พื้นผิวที่เป็นเหล็กเก่าที่ไม่สามารถขัดสนิมออกได้หมด ควรใช้สีรองพื้นชนิดพิเศษ
ที่สามารถยึดเกาะกับวัตถุได้ดีเยี่ยม เพื่อป้องกันการหลุดร่อนของส่วนที่เป็นสนิมในเหล็ก โดยมากจะเป็นสีประเภทอีพ็อกซี่ 
3.การทาสีทับหน้า สีทับหน้าหรือสีชั้นนอกสุดมีเฉดสีสวยให้เลือกมากมาย โดยทั่วไปแบ่งเป็น 2 ประเภทคือ
สีน้ำมัน และ สีน้ำ ที่มีให้เลือกทั้งชนิดทาภายนอกหรือทาภายใน ถ้าต้องการสีน้ำที่มี คุณภาพสูงกว่าสีน้ำปรกติควรเจาะจงใช้
สีน้ำอะครีลิคแท้ ที่มีคุณภาพทนต่อทุกสภาพดินฟ้าอากาศได้ดีเยี่ยม และหากในกรณีที่ผนังห้องในบ้านบางห้องที่แสงแดดส่องถึง
หรือต้องการความคงทนเป็นพิเศษ ควรใช้สีน้ำอะครีลิคแบบชนิดทาภายนอกมาประยุกต์ใช้ทาภายใน เพื่อเพิ่มความมั่นใจและคงทน
การทาสีทับหน้า ควรทาทั้งหมด 2 เที่ยว โดยทิ้งระยะให้สีที่ทาครั้งแรกแห้งสนิดเสียก่อน แล้วจึงทาทับอีกครั้งหนึ่ง
โดยควรมีข้อสังเกตคือ การเลือกใช้สีทับหน้า จำเป็นต้องเลือกใช้สีให้ถูกกับประเภทของการใช้งาน
และควรใช้สี ยี่ห้อเดียวกันทั้งระบบ เพราะระบบการทาสีของแต่ละยี่ห้ออาจต่างกัน 
หากเราเลือกใช้ตามระบบของยี่ห้อเดียวย่อมให้ประสิทธิภาพสูงสุดในงาน 
แต่ที่สำคัญ คือระบบการทาสีให้ครบจำเป็นต้องเตรียมผิว ทาสีรองพื้นและทาสีทับหน้า ตามลำดับก่อนทุกครั้ง 
วิธีเลือกใช้สีทับหน้า 
ไม่ควรผสมสีเองเพราะถ้าในกรณีสีที่ผสมไว้เกิดหมด แต่ยัง เหลือเนื้อที่ต้องทาอีก เมื่อมาผสมใหม่จะเทียบสีได้ยาก 
หรืออาจจะไม่ได้สีเดิมกับที่ทาไว้แล้ว เพราะโดยปรกติสีที่ยังไม่แห้งกับสีที่แห้งแล้วมี ความแตกต่างกันเล็กน้อย
 ดังนั้นเพื่อตัดปัญหาเรื่องสีไม่สม่ำเสมอ ควรซื้อสีที่ผสมตามแคตตาลอคจากโรงงานที่วางขายตามร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างทั่วไปจะดีกว่า
 โดยเลือกให้ถูกกับประเภทของงาน คำนวณเนื้อที่ใช้ งาน 
ส่วนสีที่ทาเหลือควรปิดฝากระป๋องหรือภาชนะที่บรรจุให้แน่นสนิท สีจะได้ไม่แข็งตัว และเสียของ
สรุป
1.การเลือกใช้สีทับหน้า ควรเลือกสีให้ถูกประเภทของงาน
 2.ในระบบการทาสีครบวงจร ควรใช้สียี่ห้อเดียวกันทุกขั้นตอน เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูง สุด และคุ้มค่า 
3.สีที่เปิดใช้หรือผสมตัวทำละลาย ควรใช้ให้หมด ไม่ควรเก็บข้ามคืน


ศูนย์รวม สีโจตัน ศูนย์รวม สีชูโกกุ ศูนย์รวม สีทีโอเอ ศูนย์รวม สีตราพัด   You are visitor no. 15,161,501  จำนวนผู้เข้าชม : 7
E-commerce Solutions by BangkokDomain.com   ®